7 ผลเสียของการไม่ทากันแดด ที่ส่งผลทำร้ายผิวได้ในระยะยาว
ไม่ทากันแดด
ไม่ทากันแดด หลายคนอาจจะคิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแล้ว การไม่ใช้กันแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวเสียหายและเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ในระยะยาว เพราะในแสงแดดประกอบไปด้วยรังสี UV ซึ่งเป็นตัวการทำร้ายผิวโดยตรง
บทความนี้ Gangdara จะพาไปทำความเข้าใจ ถึงความสำคัญของการทาครีมกันแดด พร้อมข้อเสียของการไม่ทาครีมกันแดด ว่าส่งผลเสียต่อผิวอย่างไรบ้าง ? หากไม่ใช้กันแดด 1 วัน เกิดผลอย่างไร ? ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
คลิกอ่านหัวข้อ ไม่ทากันแดด
การทาครีมกันแดดสำคัญอย่างไร ?
ครีมกันแดดทาหน้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่ไอเทมที่ช่วยป้องกันการไหม้แดดเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่สามารถทำร้ายผิวเราได้ตั้งแต่ผิวชั้นนอกไปจนถึงผิวชั้นใน และทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้อีกเพียบ
โดยการทาครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ ได้ดังนี้
- รังสี UVA มีความยาวคลื่นที่สูง สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ของเราได้เลยค่ะ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย รวมถึงเป็นต้นเหตุของการเกิดปัญหาผิว และทำลายคอลลาเจนในผิว
- รังสี UVB เป็นสาเหตุหลักของการเกิดผิวไหม้แดด ผิวแดง แสบผิว และทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวรังสี UVB อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ
- รังสี Blue light หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ซึ่งสามารถทำให้ผิวเกิดจุดด่างดำ ผิวแก่ก่อนวัย และเสื่อมสภาพลงได้เร็วกว่าเดิม
ผลเสียของการไม่ทากันแดด ที่ส่งผลต่อผิวในระยะยาว
ผิวไหม้แดด
ข้อเสียของการไม่ทากันแดดเพราะไม่ชอบความรู้สึกว่าทากันแดดแล้วหน้ามัน อย่างแรกเลยคือแสง UVB ในแดด จะทำให้ผิวเกิดการไหม้ แดง แสบร้อน หรือหนักกว่านั้นอาจจะเกิดการแห้งลอกเป็นขุยได้ค่ะ
เพราะผิวที่ไหม้แดดจะเสียความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ เมื่อผิวของเราสูญเสียเซลล์ผิวชั้นนอกยังเพิ่มโอกาสการติดเชื้อและทำให้ผิวบางลง ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดได้ในอนาคตอีกด้วย
ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
ถ้าไม่ทาครีมกันแดดมีโอกาสสูงที่หน้าจะเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสแดดบ่อย เช่น หน้าแก้ม หน้าผาก
เพราะรังสี UVA ในแสงแดดจะเข้าไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง และเมื่อปล่อยไปนาน ๆ หรือโดดแดดเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำเยอะขึ้น และรักษายากแบบสุด ๆ
ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
แน่นอนว่าเมื่อเราไม่ทาครีมกันแดด นอกจากจะมีฝ้า กระ จุดด่างดำแล้ว ยังผิวทำให้ผิวสูญเสียความกระจ่างใสและเกิดความหมองคล้ำได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างต่อเนื่อง
เพราะสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอเกิดจากการกระจายตัวของเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ นอกจากนี้ การปล่อยให้ผิวหมองคล้ำยังทำให้ใบหน้าดูโทรมจนเสียความมั่นใจได้ค่ะ
การเกิดริ้วรอยก่อนวัย
มาต่อกันที่อีกหนึ่งข้อเสียของการไม่ทากันแดด คือ ผิวของเราจะโดนรังสี UVA ทำร้ายจนส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เพราะ UVA จะเข้าไปทำร้ายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลึก เมื่อคอลลาเจนถูกทำลาย ผิวจะสูญเสียความกระชับและยืดหยุ่น ทำให้เห็นริ้วรอยบนหน้าได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ
ผิวแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้น
ถ้าไม่ทาครีมกันแดด ผิวของเราจะแห้งกร้านแบบสุด ๆ เพราะรังสี UV ในแดด นอกจากจะทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยแล้ว ยังดึงเอาความชุ่มชื้นในผิวออกมา ด้วยการเข้าไปทำลายเกราะป้องกันผิวชั้นนอก ส่งผลให้ผิวแห้ง ตึง และขาดความยืดหยุ่น จนผิวของเราเกิดการระคายเคืองได้ง่าย และมีปัญหาผิวตามมาอีกเพียบ
เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง
สำหรับใครที่ไม่ทากันแดดเป็นเวลานาน ก็มีโอกาสที่จะเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เพราะผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดดในระยะยาวจะมีโครงสร้างเซลล์ผิดปกติ และการฟื้นฟูตัวเองของเซลล์ผิวลดลง
ระบบภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ รังสี UV จะเข้าไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในผิวให้อ่อนแอลง ส่งผลให้เซลล์ผิวไม่สามารถป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคหรือการระคายเคืองได้ดี
ผิวที่ถูกทำลายจาก UV จะติดเชื้อหรือเกิดผื่นแดงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ระบบการฟื้นฟูของผิวก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่องและฟื้นตัวช้าอีกด้วย
อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ทาครีมกันแดดได้ไหม ?
หลายคนอาจคิดว่าการอยู่บ้านหรือในร่มไม่จำเป็นต้องทากันแดด แต่ความจริงคือ แม้จะอยู่ในบ้าน แสงจากหลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และรังสี UV ที่สะท้อนจากหน้าต่างสามารถทำร้ายผิวได้เช่นกันค่ะ
ดังนั้น การทาครีมกันแดดจึงสำคัญ แม้ในวันที่เราอยู่บ้านเฉย ๆ ก็จำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ค่ะ โดยสามารถใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ได้ แทนการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และมีค่า PA 3+ ขึ้นไป
การไม่ทากันแดด 1 วัน ส่งผลอย่างไร ?
การไม่ทากันแดดเพียง 1 วัน อาจดูเหมือนไม่มีผลกระทบ แต่ในความเป็นจริง รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คิด ถ้าไม่ทากันแดดแม้เพียงแค่วันเดียว โดยเฉพาะในวันที่มีแดดแรง ผิวอาจเกิดการแสบร้อนหรือแดงได้
หากผิวสัมผัสแสงจากจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์นาน ๆ แสงสีฟ้าจากหน้าจออาจกระตุ้นการเกิดจุดด่างดำ และเร่งการเสื่อมสภาพของผิวได้ค่ะ
แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไม่ทากันแดดเพียง 1 วัน แต่การสะสมของรังสี UV อย่างต่อเนื่องแม้เพียงวันเดียว ก็เริ่มสร้างความเสียหายต่อผิวในระดับเซลล์ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวในระยะยาวได้
ทากันแดด กับ ไม่ทากันแดด ในระยะยาว มีผลต่อผิวอย่างไร ?
การทากันแดดอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ช่วยปกป้องผิวจากฝ้า กระ จุดด่างดำ และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ค่ะ ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี และคงความกระจ่างใสได้นานขึ้น
ในขณะที่การไม่ทากันแดดจะทำให้ผิวสัมผัสกับรังสี UV และแสงสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ มีริ้วรอยลึก และเกิดความเสียหายสะสมจนยากต่อการฟื้นฟู นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังที่อันตรายได้อีกด้วยค่ะ
สรุปเรื่องถ้าไม่ทากันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV
การไม่ทาครีมกันแดด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะทำให้ผิวคล้ำเสียแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้แดด ชั้นผิวด้านในถูกทำลาย รวมไปถึงคอลลาเจนผิวเสียหาย ดังนั้น ถ้าอยากให้ผิวดูสวย สุขภาพดี และอ่อนกว่าวัย นอกจากการทาครีมบำรุงผิวแล้ว ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะคะ