
รู้จักสภาพผิว! ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม คืออะไร ? ดูแลอย่างไรให้เหมาะสม

ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม
ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ดูยังไง ? สาว ๆ หลายคนอาจสงสัยว่าผิวของตัวเองเป็นแบบไหน เพราะการรู้จักสภาพผิวที่แท้จริงจะช่วยให้เลือกสกินแคร์และหัตถการความงามได้อย่างเหมาะสม ลดปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวขาดน้ำ หรือริ้วรอยก่อนวัย วันนี้ Gangdara จะมาช่วยเช็กกันค่ะว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน และควรดูแลอย่างไรให้ผิวสุขภาพดีขึ้น ไปดูกันเลยค่ะ!
คลิกอ่านหัวข้อ ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม
ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ดูอย่างไร ? เช็กสภาพผิวของตัวเองง่าย ๆ
หากอยากรู้ว่าสภาพผิวของตนเองเป็นแบบไหน ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ? สามารถทดสอบได้ง่าย ๆ โดยล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหรือคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน แล้วรอประมาณ 30-60 นาที โดยไม่ทาครีมบำรุงใด ๆ จากนั้นสังเกตลักษณะของผิวบริเวณหน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผิวมัน คืออะไร ? ลักษณะของคนผิวมัน
ผิวมัน เป็นสภาพผิวที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้หน้ามันเยิ้มระหว่างวัน รูขุมขนกว้าง และมีแนวโน้มเกิดสิวอุดตันได้ง่าย

ลักษณะของคนผิวมัน
- ผิวหน้ามันมากโดยเฉพาะบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง)
- รูขุมขนกว้างและมองเห็นได้ชัด
- แต่งหน้าไม่ติด หรือเครื่องสำอางหลุดง่าย
- มีแนวโน้มเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบง่าย
สาเหตุของผิวมัน
- กรรมพันธุ์และฮอร์โมน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมากเกินไป
- อากาศร้อนและความชื้นสูง
- การล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
ผิวแห้ง คืออะไร ? ลักษณะของคนผิวแห้ง
ผิวแห้ง เป็นสภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดปัญหาผิวลอก แห้งเป็นขุย และมักมีริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น ๆ

ลักษณะของคนผิวแห้ง
- ผิวตึงหลังล้างหน้า
- ผิวแห้งเป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น
- รู้สึกแสบหรือระคายเคืองง่าย
- แต่งหน้าแล้วเห็นริ้วรอยชัด
สาเหตุของผิวแห้ง
- การขาดน้ำและขาดไขมันใต้ผิวหนัง
- อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้การผลิตน้ำมันลดลง
- สภาพอากาศแห้ง เช่น หน้าหนาว หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดที่รุนแรง
ผิวผสม คืออะไร ? ลักษณะของคนผิวผสม
ผิวผสม เป็นสภาพผิวที่มีลักษณะของผิวมันและผิวแห้งรวมกัน โดยปกติแล้วบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) จะมัน แต่บริเวณแก้มและข้างจมูกจะแห้ง

ลักษณะของคนผิวผสม
- หน้ามันเฉพาะบริเวณ T-Zone แต่แก้มแห้ง
- บางครั้งเกิดสิวบริเวณหน้าผากหรือจมูก
- ผิวมีความไม่สมดุล ใช้สกินแคร์บางตัวแล้วเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
สาเหตุของผิวผสม
- พันธุกรรมและฮอร์โมน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความไม่สมดุลของผิว
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
วิธีดูแลผิว ตามสภาพผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม
ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ต้องการการดูแลที่แตกต่างกันค่ะ ผิวมันต้องควบคุมความมันและลดการอุดตัน ผิวแห้งต้องเติมความชุ่มชื้นให้เพียงพอ ส่วนผิวผสมต้องปรับสมดุลระหว่างผิวมันและผิวแห้ง มาดูกันว่าควรดูแลอย่างไรให้เหมาะกับผิวของเราค่ะ!
วิธีดูแลผิวมัน
- ใช้คลีนเซอร์ที่ช่วยลดความมัน แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง : เลือกโฟมล้างหน้าสูตรควบคุมความมันที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ เพื่อลดโอกาสที่ผิวจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นค่ะ
- หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีน้ำมันเยอะ ๆ : ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Oil Free หรือ Non Comedogenic เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขนและช่วยให้ผิวไม่มันเยิ้มระหว่างวัน
- ใช้ครีมบำรุงเนื้อบางเบา เช่น เจลหรือเซรั่ม : ควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา เช่น เจลหรือเซรั่มที่ซึมซาบเร็ว เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้หน้ามันค่ะ
- ใช้โทนเนอร์ที่ช่วยกระชับรูขุมขน : โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide หรือ Witch Hazel ช่วยลดความมัน ควบคุมการผลิตน้ำมัน และทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
- ทาครีมกันแดดที่เป็นเนื้อเจลหรือเนื้อน้ำ : เลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีเนื้อบางเบา เช่น เจลหรือโลชั่นสูตรน้ำ เพื่อป้องกันการอุดตันและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นตลอดวัน
วิธีดูแลผิวแห้ง

- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Hyaluronic Acid หรือ Ceramide : สารให้ความชุ่มชื้นเหล่านี้ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและลดอาการแห้งลอกได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
- หลีกเลี่ยงน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเวลาล้างหน้า : การใช้น้ำอุ่นหรือร้อนเกินไปจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกจากผิว ทำให้ผิวยิ่งแห้งตึงและเกิดการระคายเคืองง่าย
- ใช้เซรั่มบำรุงที่ช่วยกักเก็บน้ำ : เซรั่มที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Squalane จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน และป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ
- เลือกครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นสูง : ควรใช้ครีมที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น เช่น ครีมเนื้อครีม หรือบาล์ม เพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวนานขึ้น
- ใช้ครีมกันแดดที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ร่วมด้วย : เลือกกันแดดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากแสงแดดและยังคงความชุ่มชื้นตลอดวัน
วิธีดูแลผิวผสม
- แยกการดูแล T-Zone และแก้ม : ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเฉพาะบริเวณ T-Zone และเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณแก้มที่แห้ง
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่หนักผิว : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น โลชั่นหรือเจลครีม ที่ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้หน้ามัน
- หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์ หรือสารที่ระคายเคืองผิว : ส่วนผสมที่มีแอลกอฮอล์หรือพาราเบนอาจทำให้บางส่วนของใบหน้ามันเกินไปหรือแห้งเกินไป ทำให้ผิวเกิดความไม่สมดุล
- ใช้โทนเนอร์หรือเอสเซนส์ เพื่อช่วยปรับสมดุลผิว : การใช้โทนเนอร์ที่มี Niacinamide หรือ Green Tea Extract จะช่วยลดความมันและเพิ่มความชุ่มชื้นในจุดที่แห้ง
- เลือกกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา และไม่ทำให้ผิวอุดตัน : ควรใช้กันแดดสูตรบางเบาที่เหมาะกับทุกสภาพผิว เพื่อให้หน้ามันน้อยลงและยังคงความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณที่แห้งค่ะ
หัตถการความงามที่ช่วยปรับสมดุลผิวแต่ละประเภท
นอกจากการดูแลแต่ละสภาพผิวด้วยวิธีที่เหมาะสมแล้ว ยังมีหัตถการความงามที่ช่วยปรับสมดุลให้กับผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสมได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมความมัน เติมความชุ่มชื้น หรือยกกระชับผิว มาดูกันว่าหัตถการแบบไหนเหมาะกับสภาพผิวของเราบ้างค่ะ!
- เมโสหน้าใส (Mesotherapy)

เมโสหน้าใส เป็นการฉีดวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อฟื้นฟูผิวและบำรุงผิวจากภายใน แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ รอยดำจากสิว ลดสิวอุดตัน ลดความมันส่วนเกิน และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน
เหมาะสำหรับ : ผิวมันที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผิวหมองคล้ำที่ต้องการความกระจ่างใส
โบท็อก เป็นสารที่ใช้ฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา และรอยระหว่างคิ้ว นอกจากนี้ยังสามารถฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้หน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับ และลดโอกาสการเกิดสิว
เหมาะสำหรับ : ผิวมันที่มีรูขุมขนกว้าง ต้องการลดความมันบนใบหน้า
- ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว (Filler Skin Booster)

ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว เป็นการฉีดไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) ที่มีโมเลกุลละเอียดเข้าไปใต้ผิว เพื่อช่วยบำรุงให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และกระจ่างใสมากขึ้น โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมคือ Belotero Revive, Juvederm Volite (Skinvive) และ Restylane Vital Light ค่ะ
เหมาะสำหรับ : ผิวแห้งที่ขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำที่ต้องการฟื้นฟู
คลิกอ่านเพิ่มเติม : จบปัญหาผิวด้วยฟิลเลอร์ ! ฟิลเลอร์คืออะไร ? ทำตรงไหนได้บ้าง ?
- Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator เป็นการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวฟื้นฟูได้ลึกถึงระดับเซลล์ ปรับโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาแข็งแรง และช่วยให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ยี่ห้อยอดนิยม ได้แก่ Sculptra, Radiesse, JuveLook, Neauvia, Ultracol และ Gouri
เหมาะสำหรับ : ผิวแห้งที่เริ่มมีริ้วรอย ผิวที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่น
- Thermage

Thermage เป็นหัตถการที่ใช้คลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้น พร้อมฟื้นฟูผิวชั้นหนังกำพร้า ช่วยลดรูขุมขนกว้างและควบคุมความมันได้
เหมาะสำหรับ : ผิวมันที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวแห้งและผิวผสมที่มีปัญหาหย่อนคล้อย ต้องการกระชับผิว
- Hifu (High Intensity Focused Ultrasound)
Hifu เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (ซึ่งพัฒนามาจากอัลตราซาวด์ที่ใช้ทางการแพทย์) ส่งพลังงานลงไปยังแต่ละชั้นของผิวหนัง เพื่อให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวเต่งตึง กระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลง และผิวสัมผัสเรียบเนียนขึ้น
เหมาะสำหรับ : ผิวมันที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวแห้งที่ขาดความยืดหยุ่น ผิวผสมที่เริ่มมีริ้วรอย
วิธีป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว
การดูแลผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสมอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะหน้า แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว ลดโอกาสเกิดริ้วรอย ความมันส่วนเกิน หรือผิวขาดน้ำ เพียงปรับไลฟ์สไตล์และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมก็ช่วยให้ผิวสุขภาพดี แข็งแรง และดูสดใสอยู่เสมอค่ะ
- ปรับสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว : การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงที่ตรงจุด ลดการระคายเคือง และป้องกันปัญหาผิวในอนาคต
- ดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน : การดื่มน้ำวันละ 1.5 – 2 ลิตร ช่วยรักษาสมดุลของผิว ป้องกันผิวแห้ง ลดความมันส่วนเกิน และทำให้ผิวดูอิ่มน้ำจากภายใน
- ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ : ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ
- รับประทานอาหารที่ดีต่อผิว : อาหารที่อุดมไปด้วย วิตามิน C, วิตามิน E, Omega-3 และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมและบำรุงผิวจากภายใน ทำให้ผิวกระจ่างใสและลดการอักเสบ
- นอนหลับให้เพียงพอ : การพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ลดปัญหาผิวหมองคล้ำและริ้วรอยจากความเหนื่อยล้า
- ลดความเครียดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ : ความเครียดส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวนและทำให้เกิดสิว การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง และดูสุขภาพดีขึ้นค่ะ
สรุปเรื่องการดูแลผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม
ไม่ว่าคุณจะมีผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม การดูแลผิวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญค่ะ การเลือกสกินแคร์ที่ตรงกับสภาพผิวช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาผิวต่าง ๆ และทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
นอกจากนี้ หัตถการความงามยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยปรับสมดุลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ายังไม่แน่ใจว่า ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ดูยังไง ? หรือควรเลือกหัตถการแบบไหน ? แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การดูแลที่ดีที่สุดนะคะ